วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีการดูเเลรักษาดวงตา






  • 1.. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้
  • 2.ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า
  • 3.หลีกเลียงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า อาจทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้
  • 4. ในกรณีที่ใช้สายตาทำงานมาก ๆ เช่น อ่านหนังสือ ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา อาจจะด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง
  • 5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีนั้น เป็นการพักผ่อนสายตาได้ดี
  • 6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ฉะนั้นต้องหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้า และผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารี่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
  • 7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดง หรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือ ผ้าห่อน้ำแข็งวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง
  • 8. บริหารดวงตาโดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลมเริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กันวันละ 2-3 ครั้ง แล้วนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก ซึ่งอาจใช้แตงกวาฝานชิ้นบาง ๆ แปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
  • การถนอมรักษาสายตา มีมากมายหลายวิธี ดังที่เคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เช่น
    1. ไม่มองของสีขาวกลางแดด หรือมองแสงสว่างจ้า ๆ เช่น ดวงอาทิตย์ แสงจากการเชื่อมโลหะ เป็นต้น
    2. ไม่อ่านหนังสือตัวเล็กเกินไปเป็นเวลานาน ๆ รวมทั้งไม่อ่านหนังสือในรถ เรือ ที่มีความสะเทือนอยู่ตลอดเวลาด้วย
    3. ไม่อ่านหนังสือในที่สลัว ๆ หรือมีแสงมากเกินควร ต้องให้มีความเข้มของแสงพอเหมาะ ส่องมาจากข้างหลังหรือด้านซ้ายมือ
    4. ไม่อ่านหนังสือ (หรือมองวัตถุ) ชิดใบหน้า ควรวางหนังสือให้ห่างจากตาประมาณ 1 ฟุต
    5. ไม่เอามือหรือผ้าสกปรกเช็ดหรือขยี้ตา
    6. ระวังไม่ให้มีการกระทบกระเทือนกะโหลกศีรษะบริเวณเบ้าตา เช่น ชกต่อย อุบัติเหตุ ยิงหนังสติ๊กถูกตา ถูกไอสารเคมีหรือน้ำยาที่ระคายต่อตา
    7. ไม่ไว้ผมยาวปรกหน้า และมาบังตาทำให้มองไม่ถนัด และเป็นช่องทางให้ความสกปรกจากผมเข้าตาได้
    8. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าขาวม้าร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตา  เป็นต้น
    9. เมื่อเป็นโร
      ข้อพึงสังเกตเกี่ยวกับการนวดตนเองเพื่อช่วยสายตา
      -         ต้องตัดเล็บให้สั้น เพื่อมิให้ไปขีดข่วนใบหน้า
      -         ไม่ใส่แหวนและต่างหู เพราะอาจจะขูดใบหน้าทำให้เกิดบาดแผลได้
      -         ต้องล้างมือและหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งก่อนการนวด
      -         งดการนวดเมื่อมีไข้ ใบหน้าเป็นสิว ฝี หรือมีโรคผิวหนัง
      -         เริ่มนวดแต่เพียงน้อยครั้ง เช่น 5-10 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มทีละน้อย
      -         ตั้งใจนวด มิใช่ทำให้เสร็จ ๆ ไป หรือทำลวก ๆ ถ้าเป็นไปได้ควรทำสมาธิไปพร้อม ๆ กันด้วย
      -         การนวดต้องทำเป็นประจำจึงจะได้ผล ไม่ทำ ๆ หยุด ๆ 
      คตาต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรใช้ยาตา (หยอด, ป้าย) เอง
    10. เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา แว่นตา ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใส่แว่น และเรื่องการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม



วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การรักษารากฟัน

GAT : General Aptitude Te


      การรักษารากฟัน : มีคนไข้หลายคนละเลยปล่อยฟันให้ผุทิ้งไว้ไม่รักษา และอุดฟันให้เรียบร้อยทำให้โรคฟันลุกลามทำลายฟันมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน เกิดการอักเสบและมีฝีหรือถุงหนองที่ปลายรากฟัน มีอาการปวดทรมาน ทั้งยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค คอยบ่อนทำลายสุขภาพร่างกายอย่างเรื้อรัง จนจำเป็นต้องถอนฟันไปแล้วมิใช่น้อย แต่เมื่อเกิดความต้องการแก้ไขด้วยการรักษาฟันไว้ ไม่อยากถอนออกจากปากก็แทบจะสายเสียแล้ว

         แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เกินความสามารถของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยเหลือคนไข้เหล่านั้นได้ เพียงแต่วิธีการรักษาค่อนข้างยุ่งยากและสลับซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทันตแพทย์ทุกคน มิได้ปรารถนาที่จะให้ผู้ป่วยตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเพราะงานรักษารากฟันเป็นงานที่ลำบากมิใช่น้อย โดยเฉพาะการรักษารากฟันกรามซึ่งมี 3 - 4 ราก ดังนั้นเพื่อให้การรักษาเกิดผลสำเร็จตามความต้องการ จึงจำเป็นต้องเสียเวลาไปพบทันตแพทย์หลายครั้งในการรักษารากฟัน

ขั้นตอนการรักษารากฟัน มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้

          1. กรอฟันหาคลองรากฟันซึ่งเป็นรูเล็กๆ อยู่ต่อจากโพรงประสาท ถึงปลายรากฟัน       
          2. ขยายคลองรากฟันให้ใหญ่ขึ้น เพื่อใช้น้ำยาล้าง ซับให้แห้ง และใส่ยาฆ่าเชื้อโรคได้
          3. ปิดโพรงประสาทฟันด้วยวัสดุอุดชั่วคราว เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ประมาณ 3 ถึง 7 วัน
          4. ล้าง และขยายคลองรากฟัน พร้อมเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อโรคใหม่ และอุดปิดโพรงประสาทฟันด้วยวัสดุอุดชั่วคราวกลับไปอีกครั้ง ทำเช่นนี้ 4 - 5 ครั้ง จนกว่าหนองจะแห้ง ไม่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกตกค้าง
          5.  เมื่อหนองแห้งไม่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกตกค้าง ทันตแพทย์ก็จะทำการอุดปิดโพรงประสาทฟันถาวรโดยใช้วัสดุจำพวกยาง อุดตั้งแต่ปลายรากฟันถึงพื้นโพรงประสาทฟัน และปิดทับด้วยวัสดุทางทันตกรรมจำพวกซีเมนต์ ( Cement) และอมัลกั้ม ( Amalgum ) ซึ่งมีสีคล้ายเงินหรือกระดาษดีบุกที่หุ้มซองบุหรี่มีคุณสมบัติให้ความแข็งแรงได้ดี จึงใช้อุดฟันกรามที่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมากๆ สำหรับฟันหน้าที่ต้องการความสวยงาม และไม่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมาก ก็จะอุดด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ
          6.  ทันตแพทย์จะทิ้งระยะเพื่อรอดูอาการซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพของฟัน และเมื่อแน่ใจว่าการรักษารากฟันประสบความสำเร็จ ทันตแพทย์ก็จะทำการครอบฟันด้วยวัสดุตามความเหมาะสม


การรักษารากฟัน สามารถเก็บรักษาฟันไว้ใช้งานได้ต่อไป ดีกว่าการใส่ฟันปลอม เพราะฟันที่รักษารากแล้วก็เหมือนฟันในปากซี่อื่นๆ คือ มีเบ้ากระดูกยึดให้ฟันแน่นมั่นคงแข็งแรง และให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการใส่ฟันปลอม

การสอบสัมภาษณ์












การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
การแต่งกาย
อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้ิองใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ
ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 5
55
เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์
ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555 ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ
นั่งรอสัมภาษณ์
ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย 555 อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =
เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม
การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )
การตอบคำถาม
จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์เ้ยอะ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
คำถามยอดฮิต
1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ-----อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ.....ชื่อเล่น.....มาจากรร.ไร.....ความสามารถพิเศษ.....หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ยยย ดังนั้นควนจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาศเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถ
ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T) เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )
สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย
ามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีระกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด

ปล แอดมิชชั่น  99.9 % ติดทุกคนนะครับ ไม่ต้องใช้พอร์ตก็ได้